Miyazaki ผู้กำกับเกมที่ขึ้นชื่อในด้านการนำศิลปะสถาปัตยกรรมยุโรปยุคกลางแบบโกธิคมาผสมผสานกับโลกแฟนตาซีอันมืดมิดซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ของเกมซีรีส์ Demon’s Souls, Dark Souls และ Bloodborne แน่นอนว่าเอกลักษณ์นี้ยังคงอยู่ใน Elden Ring และ เนื้อหาเสริมล่าสุดอย่าง Shadow of the Erdtree ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งซากปรักหักพังโบราณที่ปรากฎในดินแดนเงาทมิฬ
ล่าสุดผู้พัฒนาเกมคนดังกล่าวได้ออกมาอธิบายเกี่ยวกับองค์ประกอบด้านศิลป์ที่สำคัญภายในเนื้อหาเสริมนี้ว่ามีอยู่ 2 ส่วน ส่วนแรกคือ Erdtree ซึ่งเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ และดินแดนเงาทมิฬที่ถูก Erdtree ปกปิดมานานจนกระทั่งถูกเปิดเผยออกมา
ดีไซน์โลกใน Elden Ring Shadow of the Erdtree ที่แตกต่างไปจากโลกหลัก
“อีกองค์ประกอบหนึ่งถูกใส่เข้ามาในตอนที่เราดีไซน์โลกใบนี้ก็คือ วัฒนธรรมหรือสังคมดั้งเดิมของ Erdtree โดยเราได้แอบใส่ Easter Eggs ที่บ่งบอกว่าซากปรักหักพังเหล่านั้นเก่าแก่กว่าวัฒนธรรมและสังคมที่เราเห็นอยู่ภายในเกมดังนั้น การค้นพบ และการไขปริศนาเหล่านี้ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างทิศทางด้านศิลป์ให้กับเนื้อหาเสริมอันนี้” Miyazaki กล่าว
เราได้เห็นร่องรอยของวัฒนธรรมโบราณเหล่านี้จากบอส ระบำราชสีห์อสูรเทพ (Dancing Lion) ที่ปรากฎตัวออกมา โดยคุณ Miyazaki บอกว่า เขาคิดว่าศัตรูตัวนี้สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมตะวันออกที่ปรากฏอยู่ตามซากปรักหักพังต่าง ๆ ภายในดินแดนเงาทมิฬ นั่นบ่งบอกได้ว่าวัฒนธรรมเหล่านี้มีอยู่ก่อน Erdtree ซึ่งเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบการค้นหา โดยเฉพาะตำนานเกี่ยวกับสังคมโบราณก่อนยุคสมัยของ Marika ผู้ครอบครองดินแดนมัชฌิมา
นอกจากนี้คุณ Miyazaki ยังกล่าวถึงลวดลายทางศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ของดินแดนแห่งเงาไว้ว่า “พื้นที่เหล่านี้เต็มไปด้วยความตาย จึงแสดงออกถึงสุสานศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแตกต่างจากพื้นที่ก่อนหน้านี้ในเกมอย่างมาก”
Shadow of the Erdtreeเป็น DLC ของ Elden Ring ที่จะพาผู้เล่นเข้าไปผจญภัยในดินแดนเงาทมิฬ และติดตามเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ของ Miquella และเผชิญหน้ากับบอสสุดโหดมากมาย โดยผู้เล่นสามารถเข้าเล่น DLC นี้ได้ต่อเมื่อสามารถล้มบอสอย่าง Radahn และ Mohg ได้ ซึ่งหลังจากล้ม Mohg ได้แล้วก็สามารถแตะที่มือของ Miquella ในรังไหมและเข้าสู่สมรภูมิดินแดนเงาทมิฬได้เลย!คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
cnetElden Ring Shadow of the Erdtree